หญ้าแฝก
ชื่ออื่นๆ : หญ้าแฝก, หญ้าแฝกหอม (นครราชสีมา, ภาคกลาง) แกงหอม แคมหอม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
ต้นกำเนิด : ประเทศอินเดีย
ชื่อสามัญ : Vetiver grass, Khuskhus, Cuscus, Sevendara grass
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Chrysopogon zizanioides (L.) Roberty
ชื่อวงศ์ : Poaceae
ลักษณะของหญ้าแฝก
ต้น พืชตระกูลหญ้าที่พบอยู่ทั่วไปตามภาคต่างๆ ของประเทศ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ทนต่อสภาพความแห้งแล้ง ความเปียกแฉะและสภาพน้ำท่วมขังใด้ดี เพราะมีระบบรากลึกและใบแคบ แฝกขึ้นเป็นกอใหญ่ ขนาดของกอประมาณ 5-20 เซนติเมตร มีความสูงของลำต้นประมาณ 1-1.5 เมตร
ใบ ใบแคบยาวประมาณ 75 เซนติเมตรกว้าง 4-10 มิลลิเมตร มีรากเป็นกระจุกเหมือนใยฟองน้ำ สามารถดูดซับน้ำได้ดี ถ้านำมาปลูกเป็นแถวจะช่วยในการดักตะกอนดินและป้องกันการพังทลายของดินได้ดี
ดอก ออกดอกเป็นช่อตั้งลักษณะเป็นรวง โดยจะออกบริเวณปลายยอด ก้านช่อดอกยาวกลมยื่นพ้นจากลำต้น ก้านช่อดอกและรวงจะมีความสูงประมาณ 100-150 เซนติเมตร ดอกย่อยจำนวนมาก มีขนาดเล็กและเป็นสีม่วงอมเขียว
ผล ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก เมื่อดอกได้รับการผสมแล้ว ดอกที่ไม่มีก้านดอกที่เป็นดอกสมบูรณ์ก็จะติดเมล็ด เมล็ดจะมีลักษณะเป็นรูปกระสวย หัวท้ายมน ผิวเรียบ เปลือกบาง เมล็ดมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร โดยดอกหญ้าแฝกจะสามารถติดเมล็ดได้เพียงร้อยละ 50 เท่านั้น เนื่องจากในแต่ละช่อดอกจะมีดอกสมบูรณ์เพศประมาณครึ่งหนึ่ง ประกอบกับการสุกของเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียที่อยู่ในดอกเดียวกันหรือต่างดอกกันมักจะไม่สัมพันธ์กัน ทำให้โอกาสที่จะผสมพันธุ์กันนั้นมีน้อย


การขยายพันธุ์ของหญ้าแฝก
การใช้หัว/เหง้า/หน่อ
การขยายพันธุ์หญ้าแฝกที่นิยมกันมาก ง่าย และรวดเร็วได้แก่การแยกหน่อแล้วนำไปชำในแปลงเพาะหรือในถุงชำ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
- นำหญ้าแฝกที่เป็นกอมาตัดใบออกให้เหลือความยาวของต้นประมาณ 20 เซนติเมตร และความยาวของรากประมาณ 5 เซนติเมตร แล้วแยกออกเป็นต้นๆ คัดเลือกต้นที่สมบูรณ์มีรากติดนำลงปลูกในถุงชำขนาด 5 x 8 นิ้วที่มีส่วนผสมของดินร่วนปนทรายและขี้เถ้าแกลบ จากนั้นนำถุงชำมาวางเรียงในที่แจ้งให้เป็นแถว แถวละประมาณ 10 ถุง ระหว่างแถวห่างกัน 1เมตร รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ
- การเพาะชำในแปลงเพาะแบบยกร่อง โดยการนำหญ้าแฝกที่เตรียมไว้ในข้อที่ 1 มาปลูกในแปลงขยายพันธุ์ที่เตรียมดินโดยการทำเป็นแปลงยกร่องกว้างขนาด 1-1.5 เมตร ความห่างระหว่างแปลงประมาณ 1 เมตร ความยาวของแปลงแล้วแต่ความเหมาะสม โดยนำหญ้าแฝกมาปลูกห่างกันระหว่างต้น 20 เซนติเมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกหญ้าแฝกได้ประมาณ 3,200 กอ รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ หญ้าแฝกจะเจริญเติบอย่างรวดเร็ว และสามารถแตกหน่อได้ประมาณ 40-50 เท่าในระยะเวลา 4-5 เดือน
หญ้าแฝกที่นิยมปลูกกันมากในประเทศมีหลายสายพันธุ์ แต่ที่สามารถเจริญเติบได้ดีบนพื้นที่สูง ที่พบตามหน่วยจัดการต้นน้ำมี 2 สายพันธุ์ ได้แก่
- หญ้าแฝกหอมหรือหญ้าแฝกลุ่ม (Chrysopogon zizanioides (L.) Roberty)
- หญ้าแฝกดอน (ชื่อวิทยาศาสตร์ Chrysopogon nemoralis (Balansa) Holttum (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Vetiveria nemoralis (Balansa) A.Camus))
ในธรรมชาติเราจะพบหญ้าแฝกทั้งสองชนิดนี้ได้ทั่วไป เพราะขึ้นได้ดีในสภาพพื้นที่ทั้งที่ลุ่มและที่ดอน ในดินสภาพต่าง ๆ จากความสูงใกล้กับระดับน้ำทะเลไปจนถึงระดับประมาณ 800 เมตร
ธาตุอาหารหลักที่หญ้าแฝกต้องการ
ประโยชน์ของหญ้าแฝก
หญ้าแฝกเป็นพืชมหัศจรรย์ ทุกส่วนของลำต้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น
- ต้นและใบช่วยกรองเศษพืชและตะกอนดิน ใช้ทำวัสดุมุงหลังคา ใช้ทำเชือก หมวก ตะกร้า ฯลฯ ใช้เป็นวัสดุคลุมดิน ใช้ทำปุ๋ยหมัก
- รากดูดซับน้ำและช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดิน ดูดซับแร่ธาตุและอาหาร ดูดซับสารพิษ ช่วยปรับปรุงสภาพดินทำให้คุณสมบัติทางกายภาพของดินดีขึ้น
- ใช้ทำเครื่องสมุนไพรและเครื่องประทินผิว ใช้กลั่นทำน้ำหอม ใช้ป้องกันแมลงศัตรูพืช
สรรพคุณทางยาของหญ้าแฝก
- รากมีรสหอม ช่วยทำให้ดวงจิตชุ่มชื่น (ราก)
- รากช่วยแก้โรคประสาท ส่วนกลิ่นของรากช่วยกล่อมประสาท (ราก)
- น้ำมันหอมระเหยช่วยทำให้นอนหลับ ทำให้สงบ (น้ำมันหอมระเหย)
- ช่วยบำรุงโลหิต (ราก)
- ช่วยแก้โลหิตและดี (ราก)
- รากมีสรรพคุณเป็นยาลดไข้ แก้ไข้ แก้ไข้พิษ แก้ไข้อันเกิดแต่ซาง แก้ไข้อภิญญาณ (ราก)[1],[2],[4] ส่วนหัวมีสรรพคุณช่วยแก้ไข้หวัด (หัว)
- ช่วยแก้อาการปวดท้อง (ราก)
- ช่วยแก้ท้องร่วง ท้องเดิน (ราก, หัว)
- รากใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้อาการท้องอืด จุกเสียด ทำให้หาวเรอ (ราก, หัว)
- ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ราก, หัว)
- ช่วยแก้คุดทะราด (ราก)
- ช่วยแก้ร้อน (ราก, หัว)
- ใช้ต้มอาบทำให้กระชุ่มกระชวย (ราก)
- ช่วยแก้อาการปวดเมื่อย (หัว)
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของหญ้าแฝก
- องค์ประกอบทางเคมีที่พบ ได้แก่ น้ำมันหอมระเหย (Vetiver oil) ประมาณ 0.3-1% โดยประกอบไปด้วยสาร vetiverol ประมาณ 50-75%, alpha-vetivone 4.36%, beta-vetivenene, beta-vetivone, khusimol
- น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ทำให้ผิวหนังร้อนแดงอย่างอ่อน ทำให้นอนหลับ ทำให้สงบ
- หญ้าแฝกมีฤทธิ์ในการต้านออกซิเดชัน ต้านมาลาเรีย ต้านยีสต์ ยับยั้งเชื้อรา ไล่แมลง ฆ่าเห็บโค
- จากการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากรากหญ้าแฝกด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูทดลองกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 7,143 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใช้รักษาในคน และให้โดยวิธีการฉีดเข้าทางใต้ผิวหนังของหนูทดลองในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่พบว่ามีความเป็นพิษ
คุณค่าทางโภชนาการของหญ้าแฝก
การแปรรูปของหญ้าแฝก
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=12159&SystemType=BEDO
http:// charoensinhos.go.th
https://www.flickr.com